นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค บอกว่า เด็กเล็กวัยทารกจนถึงอนุบาล ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคอ้วน ฯลฯ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ และกลุ่มอาชีพที่ทำงานกลางแจ้ง คือกลุ่มเสี่ยงของโรคนี้
เราจะแยกความแตกต่างระหว่างการเป็นโรคลมร้อนหรือแค่อ่อนเพลียจากความร้อนอย่างไร
อาการดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อทุกคน รวมถึงผู้ที่มีสุขภาพดีและแข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาออกกำลังกายอย่างหนักในอุณหภูมิที่สูง หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลางแดดตลอดทั้งวัน ความอ่อนเพลียที่เกิดจากความร้อนนั้น สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที หรือเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป กินเวลาหลายชั่วโมง
คุณสามารถแยกความแตกต่างของอาการอ่อนเพลียจากความร้อนและโรคลมร้อนได้ดังนี้
อาการอ่อนเพลียจากความร้อน
- รู้สึกหน้ามืดจะเป็นลม หรือ วิงเวียนศีรษะ
- เหงื่อออกมากเกินไป
- ผิวหนังชื้น
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- ปวดกล้ามเนื้อ
โรคลมร้อน
- รู้สึกมึนงงสับสน
- ไม่มีเหงื่อออก
- อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ผิวหนังร้อนและแห้ง
- อาจหมดสติหรือมีอาการชักเกร็งหรือเป็นโรคลมชัก
อาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วย ได้แก่
- ปวดหัว
- เวียนหัว มึนงง
- เบื่ออาหาร รู้สึกไม่สบาย
- เกิดตะคริวบริเวณแขน ขา และท้อง
- หายใจเร็วหรือชีพจรเต้นเร็ว
- อุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- รู้สึกกระหายน้ำมาก
เด็กเล็กที่ยังไม่สามารถสื่อสารกับคุณได้ว่า พวกเขารู้สึกอย่างไร อาจมีอาการง่วงนอนและตัวอ่อน ไม่มีแรง
สัญญาณเตือนที่ต้องระวัง และต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว
อาการอ่อนเพลียจากความร้อนอาจกลายเป็นโรคลมร้อนได้ ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินต่อชีวิต มันหมายความว่า ร่างกายของคุณไม่สามารถจัดการกับความร้อนได้อีกต่อไป และอุณหภูมิแกนกลางของคุณกำลังสูงเกินไป จึงจำเป็นต้องรับการช่วยเหลือจากแพทย์อย่างเร่งด่วน
- รู้สึกไม่สบาย แม้พักผ่อนในที่มีอากาศเย็นแล้วมากกว่า 30 นาที รวมถึงดื่มน้ำเข้าไปแล้วจำนวนมาก
- ไม่มีเหงื่อออก แม้รู้สึกร้อนมาก
- มีอุณหภูมิมากกว่า 40 องศาเซลเซียส
- หายใจเร็วหรือหายใจถี่
- รู้สึกสับสนมึนงง
- มีอาการชัก
- หมดสติ
- ไม่ตอบสนองใด ๆ
ความสามารถของร่างกายในการควบคุมอุณหภูมิยังไม่พัฒนาเต็มที่ในเด็ก และอาจลดลงในผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังหรือจากปัจจัยอื่น ๆ นอกจากนี้ ผู้มีน้ำหนักมากหรือเป็นโรคอ้วน ยังทำให้ร่างกายเย็นลงได้ยากขึ้นด้วย
เราควรทำอย่างไร
- หากเป็นโรคลมร้อนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลเท่านั้น แต่หากมีอาการอ่อนเพลียจากความร้อน เบื้องต้นสามารถปฐมพยาบาลได้ด้วยการให้เขาพักผ่อนในที่เย็น เช่น ห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือที่ไหนสักแห่งในที่ร่ม
- ถอดเสื้อผ้าที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้ผิวหนังสัมผัสกับอากาศที่ถ่ายเทภายนอกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- ทำให้ผิวเย็นลงด้วยการใช้สิ่งที่คุณมี เช่น ฟองน้ำชุบน้ำ หรือผ้าสักหลาดที่เย็นหรือเปียก ฉีดสเปรย์ละอองน้ำไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมทั้งประคบเย็นบริเวณรอบคอและรักแร้ หรือห่อด้วยผ้าเย็นหรือผ้าเปียก
- พัดผิวของพวกเขาขณะที่ยังเปียกชื้น สิ่งนี้จะให้ทำให้น้ำระเหย ช่วยให้ผิวของพวกเขาเย็นลง
- ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มผสมเกลือแร่ที่ใช้กับนักกีฬา
- อยู่กับพวกเขาจนกว่าอาการจะดีขึ้น
- อาการควรดีขึ้นและอุณหภูมิควรเย็นลงภายใน 30 นาที หากไม่เป็นไปตามนั้น ควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์
ขอบคุณที่มาจาก : เมื่อคนไทยเสียชีวิตจากโรคลมร้อนแล้ว 30คนแล้วใน 2 เดือนนี้